ความสำเร็จขององค์กรที่เติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ไม่เพียงแค่การมีทิศทางและกลยุทธ์การจัดการที่ดีเท่านั้น แต่ผู้บริหารจะต้องสามารถบริหารทรัพยากรมนุษย์ให้เป็น ซึ่งคำว่า “เป็น” ในที่นี้ ไม่ได้หมายถึง การรีดเอาผลงานให้ได้มาก แต่เป็นเรื่องของการสร้างความชัดเจนในเป้าหมายการทำงานให้กับพนักงาน การจูงใจ การสอนงาน การประเมินผลงาน การแจ้งผล และให้ค่าตอบแทนที่เป็นธรรม
จากกระบวนการที่กล่าวมาข้างต้น หัวใจสำคัญของระบบการบริหารทรัพยากรมนุษย์ คือ “การรู้จักพนักงานของตนเองให้มากที่สุด” เพราะหากรู้ให้มากแล้ว เรื่องอื่นๆ ก็ดูเหมือนจะง่ายเสียเหลือเกิน เช่น เมื่อรู้ว่าลูกน้องของตนเก่งในเรื่องใด ก็ย่อมที่จะสามารถมอบหมายภารกิจสำคัญได้อย่างง่ายดาย ต่อมาก็สามารถจูงใจให้ทำผลงานได้เพิ่มมากขึ้น หรือจะรักษาให้อยู่กับองค์กรได้อย่างยาวนาน ทั้งหมดล้วนมีที่มาจากคำเดียวกัน คือ การเข้าใจพนักงานของตนเอง และใช้ประโยชน์จากความเข้าใจนั้นในการจูงใจ สอนงาน และติดตามผล ซึ่งวิธีที่จะทำให้ผู้บริหารเข้าใจลูกน้องของตนเองได้อย่างดี ก็คือ การใช้เครื่องมือที่เรียกว่า “การบริหารผลงาน”
วัตถุประสงค์ในการฝึกอบรม
1. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับแนวคิดและหลักการบริหารผลงานในรูปแบบต่างๆ
2. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมเข้าใจถึงเทคนิค และเครื่องมือการบริหารผลงานให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
3. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมมีทักษะในการแจ้งผลการปฏิบัติงานกับผู้ใต้บังคับบัญชา
4. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมสามารถนำหลักการเกี่ยวกับการบริหารผลงานไปประยุกต์ใช้กับการบริหารผู้ใต้บังคับบัญชาของตนเองได้อย่างเหมาะสมสอดคล้องกับวัฒนธรรมองค์กร
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
การจัดฝึกอบรมครั้งนี้จะส่งผลให้แต่ละส่วนได้รับประโยชน์ ดังนี้
1. บริษัทมีแนวทางการบริหารผลงานที่ชัดเจน และสามารถสื่อสารให้พนักงานรับทราบได้โดยง่าย
2. พนักงานในระดับต่างๆ เข้าใจวิธีการบริหารผลงาน เข้าใจงานและบทบาทหน้าที่ของตนเอง และรับทราบว่าการทำงานของตนมีส่วนช่วยให้บริษัทประสบความสำเร็จได้อย่างไร
3. สร้างความเป็นธรรมในการทำงานให้กับพนักงานและมีส่วนช่วยจูงใจให้พนักงานทำงานในระดับที่สูงขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง
ผู้เข้าอบรม
1. ได้รู้ว่าตนเองมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการบริหารผลงานมาก/น้อยเพียงใด อะไรคือจุดที่ยังเข้าใจได้ไม่รอบด้าน (Improvement Area) อะไรคือจุดที่ตนเองเข้าใจถูกต้องแล้ว (Strengthen Area)
2. ได้ต่อยอดองค์ความรู้ และเกิดความเชื่อมั่นต่อการปฏิบัติได้มากขึ้น
3. มีความเชี่ยวชาญในการใช้และพัฒนาเครื่องมือต่าง ๆ เห็นมุมมองที่แตกต่าง เพื่อนำไปต่อยอดสำหรับการปรับปรุงและพัฒนาการบริหารผลงานได้อย่างดีเยี่ยมต่อไป
รูปแบบการเรียนรู้
เป็นการฝึกอบรมแบบเข้มข้น (Intensive Learning Course) ผ่านวิธีการเรียนรู้ที่หลากหลาย ซึ่งได้แก่ การบรรยาย การยกกรณีตัวอย่าง (Example Case) ทั้งที่ล้มเหลวและประสบความสำเร็จ การลงมือปฏิบัติ (Workshop) การเรียนรู้ผ่านเกมและกิจกรรม เพื่อให้การเรียนรู้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในระหว่างการเรียนรู้ และหลังการเรียนรู้ไปแล้ว ผู้เรียนยังสามารถสอบถามหรือขอคำปรึกษาจากวิทยากรได้ตลอดระยะเวลา
สัดส่วนของรูปแบบการเรียนรู้
o บรรยาย กรณีศึกษา กรณีตัวอย่าง 40%
o ฝึกปฏิบัติ 40 %
o เกมและกิจกรรม 10%
o ถามตอบ-แลกเปลี่ยนประสบการณ์ 10%
หัวข้อการฝึกอบรม
§ นิยาม ความหมาย ความจำเป็นที่ต้องมีการบริหารผลงาน
§ วิวัฒนาการของการบริหารผลงาน ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน: ข้อดี ข้อเสีย และการเปลี่ยนแปลง
§ ผลลัพธ์ที่ผู้บริหารอยากเห็นจากการบริหารผลงาน
§ กระบวนการบริหารผลงาน
§ แบบฟอร์มการประเมิน และการคำนวณผลคะแนนของบริษัทต่างๆ
§ วิธีการแจ้งผลการประเมินอย่างสร้างสรรค์
§ การเชื่อมโยงผลประเมินกับการขึ้นเงินเดือน การพัฒนาบุคลากร การเลื่อนตำแหน่ง และการรับพนักงานใหม่
ฝึกปฏิบัติ
§ การจัดทำ/ทบทวนเป้าหมายการทำงานของพนักงาน
§ การมอบหมายงาน และการสอนงาน
ฝึกปฏิบัติ
§ การติดตามผลงานอย่างเข้าใจ
§ การประเมินความก้าวหน้าของผลงาน
§ สรุปการเรียนรู้ทั้งวัน
วิทยากร ดร.สันติชัย อินทรอ่อน วิทยากรและที่ปรึกษา บริษัท เคเอ็นซี เทรนนิ่ง เซ็นเตอร์ จำกัด
กำหนดการ
|
วันที่ 17 สิงหาคม 2563
|
บุคคลทั่วไป
|
3,900 + 273 = 4,173
|
เวลา
|
09.00-16.00 น.
|
สมาชิก, โอนเงินก่อน 11 ส.ค. 2563
|
3,500 + 245 = 3,745
|
สถานที่
|
โรงแรมเซนต์เจมส์ สุขุมวิท ซ.26
|
สมัคร 3 คนขึ้นไป ท่านละ 3,200
|
3,200 + 224 = 3,424
|
สมัคร 5 คนขึ้นไป ท่านละ 2,900
|
2,900 + 203 = 3,103
|
หมายเหตุ - ค่าลงทะเบียนเข้าร่วมสัมมนาสามารถนำไปลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ 200%
- ราคารวมเอกสารประกอบการสัมมนา, อาหารกลางวัน, น้ำชา-กาแฟ
กรุณาดาวน์โหลดหลักสูตรและใบลงทะเบียนที่นี่ หรือกรอกข้อมูลในแบบฟอร์มด้านล่างเพื่อลงทะเบียน