โหราศาสตร์ค้นหา 'Talent'

โดย : ชนิตา ภระมรทัต/กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 11 มกราคม 2556

ต่อให้เก่งขั้นเทพ แต่หากต้องไปทำงานที่เจ้าตัวไม่รัก ไม่ชอบ ที่สุดงานก็จะไม่เด่น คนก็จะไม่รุ่ง

สังคมไทยมีความเชื่อในเรื่องของ "โหราศาสตร์" มาเนิ่นนาน ไม่เพียงแต่คนไทยเท่านั้น เรียกได้ว่าคนทั่วโลกต่างพึ่งพาโหราศาสตร์มาช่วย "ไขปริศนาชีวิต"

และคงไม่ผิดกติกาแต่อย่างไร หากจะนำโหราศาสตร์เข้ามาใช้ในการสรรหา คัดเลือก คัดกรอง "คนเก่ง" หรือ Talent เพื่อช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับองค์กร ซึ่งมีองค์กรธุรกิจชั้นนำจำนวนมากที่นำโหราศาสตร์มาช่วยสรรหาคนเก่งมาเป็นเวลานานแล้ว (แต่ไม่เป็นที่เปิดเผยต่อสาธารณะ)

ทำไมต้องนำโหราศาสตร์มาช่วยสรรหา Talent

นั่นเป็นเพราะ อุณหภูมิการแข่งขันทางธุรกิจนับวันยิ่งร้อนทวีคูณ ขณะที่ คนเก่ง ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในปัจจัยความสำเร็จ

ปรากฏการณ์สงครามแย่งชิงคนเก่ง หรือ The War for Talent จึงยังคงดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง อย่างไม่มีวันสิ้นสุด

แม้ว่าในปัจจุบัน องค์กรธุรกิจจะมีเครื่องมือมากมายในการสรรหา ทดสอบคนเก่ง แต่มีหลายเสียงที่พูดตรงกันว่า ยังไม่มีเครื่องมือไหนที่จะวัดมนุษย์ได้ตรงเผง เนื่องจากมนุษย์มีความซับซ้อนเกินไปที่จะสรุปออกมาเป็นกระดาษเพียงไม่กี่หน้า

"ถ้าหากจะเชื่อในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง โหราศาสตร์ จะเป็นเรื่องหนึ่งที่มีความน่าเชื่อถือ ด้วยถือกำเนิดนานกว่า 5 พันปีแล้ว" คือคำกล่าวของ ชูศักดิ์ จงธนะพิพัฒน์ ซึ่งใช้ นามปากกาในแวดวงว่า "ธนูเกณฑร์"

เมื่อถามถึงความเชี่ยวชาญเขาบอกว่า เขาศึกษาโหราศาสตร์ในเชิงลึกทั้งตำราตะวันออกและตะวันตก ที่ค่อนข้างจะเชี่ยวชาญคือ โหราศาสตร์ไทยและอินเดีย

เช่นเดียวกันแทบทุกเรื่อง ชูศักดิ์บอกว่า หากบูรณาการโหราศาสตร์ที่สุดจะนำไปสู่ "ความลึกซึ้ง"และ "แม่นยำ" ยิ่งกว่า

ชูศักดิ์ นั้นมีดีกรีเป็นวิศวะ เรียนจบสาขาโยธา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แต่มาเอาดีทางด้านโหราศาสตร์ เพราะเป็นงานที่ชอบ

เขาบอกว่า ความรักและมีความสุขในงาน คือพื้นฐานสำคัญที่จะทำให้มนุษย์สามารถสร้างสรรค์ผลงานที่เป็นสุดยอด

ต่อให้เก่งขั้นเทพ แต่หากต้องไปทำงานที่เจ้าตัวไม่รัก ไม่ชอบ ที่สุดงานก็จะไม่เด่น คนก็จะไม่รุ่ง

ดังนั้น ก่อนจะทำการสรรหาคนเก่ง ทางองค์กร หรือ HR ควรจะกำหนดตำแหน่งงานตลอดจนรายละเอียดของการทำงานอย่างชัดเจนเสียก่อน จากนั้นค่อยนำโหราศาสตร์ มาทำหน้าที่เป็นตะแกรงร่อนเพื่อหาคนให้เหมาะกับงาน (เก่งในงานและมีใจรักในงาน)

ส่วนกระบวนการที่ชูศักดิ์นำมาใช้วิเคราะห์หา Talent มี 4 ขั้นตอน ดังนี้

ขั้นตอนที่ 1. Polarity เป็นแบ่งคนออกเป็น 2 ขั้ว ได้แก่ ขั้วบวก หรือ หยาง (Active) ได้แก่ ธาตุไฟ ธาตุลม และ ขั้วลบ หรือ หยิน ( Passive) ได้แก่ ธาตุดิน ธาตุน้ำ
ขั้นตอนที่ 2. Element หรือ ธาตุ คือ การแบ่งคุณสมบัติคนไปตามธาตุทั้ง 4 ได้แก่ 1. ธาตุดิน (พฤษภ มังกร กันย์) มีความโดดเด่นในเรื่องของความมีวินัยในตัวเอง เก่งใน การบริหารงาน-คน 2. ธาตุน้ำ (กรกฏ มีน พิจิก) มีความโดดเด่นในเรื่องอารมณ์ความรู้สึก สนใจดูแลเอาใจใส่คนอื่น เก่งในงานบริการ 3. ธาตุลม (เมถุน กุมภ์ ตุลย์) มีความโดดเด่นใน เรื่องของเชาวน์ปัญญา การคิด การเรียนรู้ และการติดต่อสื่อสาร และ 4. ธาตุไฟ ( เมษ สิงห์ ธนู) มีความโดดเด่นในเรื่องของความคิดสร้างสรรค์
ขั้นตอนที่ 3. Modality หรือ คุณะ คือ ความแข็งแรงหรืออ่อนแอของธาตุทั้ง 4 ( ดิน น้ำ ลม ไฟ ) แบ่งเป็น 1) ต้นธาตุ ประกอบด้วย เมษ กรกฏ มังกร ตุลย์ 2) กลางธาตุ ประกอบด้วย พฤษภ กุมภ์ สิงห์ พิจิก และ 3) ปลายธาตุ ประกอบด้วย มีน เมถุน กันย์ ธนู
ชูศักดิ์อธิบายว่า กลุ่มราศีต้นธาตุ หมายถึง คนที่อยู่ในกลุ่มนี้จะแสดงออกให้เห็นถึงคุณลักษณะเด่นของธาตุนั้นอย่างชัดเจน เช่น คนในราศีมังกร ซึ่งถือว่าเป็นต้นธาตุของ ธาตุดิน จะมีความโดดเด่นในเชิงการบริหารงาน บริหารคน ไวต่อการเปลี่ยนแปลง และไม่น่าแปลกใจที่ผู้บริหารระดับสูงส่วนใหญ่จะเป็นคนในกลุ่มนี้ ส่วนกลุ่มราศีกลางธาตุ หมายถึง คนที่เปลี่ยนแปลงได้ช้า ไม่ค่อยยอมหรือดื้อต่อเปลี่ยนแปลง เรียกว่าจนกว่าจะถูกบังคับจึงยอมเปลี่ยน และ กลุ่มราศีปลายธาตุ หมายถึง ความไม่แน่นอน เป็นคนแกว่งไป แกว่งมา และ มักเก่งคิดแต่ไม่เก่งทำ
ขั้นตอนที่ 4. Planet Qualification คือ คุณสมบัติต่าง ๆ ของดวงดาว อันได้แก่ อาทิตย์ จันทร์ พุธ ศุกร์ อังคาร พฤหัส เสาร์ มฤตยู เนปจูน และพลูโต (รวมทั้งราหูและเกตุด้วย)

อย่างไรก็ดีการสรรหา Talent ไม่มีวันสำเร็จได้ภายในเพียงแค่ 4 ขั้นตอน เพราะโหราศาสตร์มีความซับซ้อน ประการสำคัญจะต้องมีวัน เดือน ปีเกิด เวลาตกฟาก รวมถึงสถานที่เกิด ที่แน่นอนและแท้จริงของว่าที่คนเก่ง ถึงตรงนี้ก็ขึ้นอยู่ที่ฝีมือของ HR และองค์กรที่จะต้องหาทางขอมาให้ได้